คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจู่ๆ เงินกระดาษเริ่มล้าสมัยหรือถูกบังคับไม่ให้ใช้และทุกธุรกรรมการเงินจำเป็นต้องเป็นทำผ่านระบบดิจิทัลเท่านั้น เงินกระดาษยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่หรือเปล่า? ในขณะที่ทุกวันนี้เราสามารถพกเพียงแค่โทรศัพท์เพื่อใช้สแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการได้แล้ว
จากผลสำรวจของวีซ่าระบุว่า
- คนไทยเกือบ 9 ใน 10 ใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดแล้วมาตั้งแต่ปี 2563 โดยปี 2021 มีสัดส่วนอยู่ที่ 87% เพิ่มจากเมื่อปี 2020 ซึ่งอยู่ที่ 82% (จากการแพร่ระบาดของไวรัส)
- 77% ของผู้บริโภคเลือกที่จะชำระเงินแบบดิจิทัลมากกว่าเงินกระดาษ
- 45% พบว่าร้านค้าต่างๆรับชำระเงินแบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น
- 85% ของผู้บริโภคมีความสนใจที่จะชำระเงินแบบคริปโตเคอร์เรนซี่
ในขณะที่ผู้คนหันไปใช้รูปแบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งอาจดูเหมือนว่าเงินกระดาษกำลังจะล้าสมัยแต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเงินสดจะยังคงอยู่ในระบบตลอดไป!
แน่นอนว่าการชำระเงินแบบดิจิทัลหรือคริปโตจำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ในการเข้าถึงบริการนั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึง ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว จะเป็นปัญหาเบื้องต้นที่หลายๆคนกังวล ตัวอย่างเช่น การชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสดทั้งหมดจำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารหรือการเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินที่เป็นทางการ
ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) ประจำปี 2564 พบว่ามีประชากรที่ไม่มีบัญชีธนาคารประมาณ 14.7 ล้านคน หรือประมาณ 22% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของคนที่มีรายได้ต่ำและอยู่ในพื้นที่ชนบทหรือเป็นคนต่างด้าวที่ยังไม่มีการยื่นขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้อง
“หากเงินกระดาษหมดไป คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางจะจ่ายเงินได้เลย”
แม้แต่สังคมไร้เงินสดมากที่สุดในโลก เช่น สวีเดนและเนเธอร์แลนด์ ก็แนะนำให้ผู้คนเก็บเงินกระดาษไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น พายุเฮอริเคน หรือไฟฟ้าดับ ที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถใช้ตู้เอทีเอ็มหรือทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ อีกทั้งเงินกระดาษไม่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์หรือการละเมิดความเป็นส่วนตัวต่างๆในการใช้เงิน
เราต้องการเงินกระดาษเพื่อให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปหรือไม่?
แน่นอนว่าการที่จะเลือกการชำระเงินทางใดทางหนึ่งเลยคงเป็นไปได้ยากหรือต้องใช้เวลานานในการเปลี่ยนถ่าย ตัวเลือกการชำระเงินควรมีมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งในแต่ละแบบก็มีคุณลักษณะพิเศษที่ยากต่อการทดแทนในตัวของมันเองเช่นเงินกระดาษก็สามารถใช้ได้ในกรณีเกินภัยพิบัติหรือต้องการความเป็นส่วนตัวในการใช้จ่ายและการเป็นเงินทุนสำรองของรัฐบาลที่จับต้องได้ ส่วนเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี่ก็เป็นการชำระเงินที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็วในการใช้งาน และสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่มีโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต
