เรามักได้เห็นราคาของคริปโทลดร่วง 20% ถึง 50% ภายในหนึ่งวัน และด้วยราคาที่ลดลงนั้น ทำให้หลายคนตั้งคำถาม ว่าเราสามารถจะทำอะไรได้บ้างกับราคาที่ลดลงตามกระแสตลาดคริปโท? และที่สำคัญ เราควรซื้อตอนขาลงหรือไม่?
สั้นๆง่ายๆได้ใจความ
- ราคาของคริปโทสามารถลดลง 20% ถึง 50% ภายในหนึ่งวัน ในช่วงปี 2018 ทำให้บิทคอยน์สูญเสียมูลค่าไปถึง 80%
- ในปี 2022 บิทคอยน์ร่วงลงมามากกว่า 52% (YTD) และตอนนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ
- ช่วงขาลงนั้นเป็นการลดลงอย่างชั่วคราวของราคาสินทรัพย์ คำว่า “ Buy The Dip” นั้นหมายถึงการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ถูก และขายเมื่อมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
- การเข้าซื้อช่วงขาลงนั้น อาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อล่วงหน้า แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการจับตาดูความเสี่ยง และผลตอบแทน
- ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่ผ่านมา การซื้อช่วงขาลงนั้นจะให้ผลกำไรในช่วงขาขึ้นเท่านั้น
- ความเสี่ยงในการเข้าซื้อช่วงขาลงนั้น คือการที่ราคาร่วงลงไปอีก ทำให้การลงทุนของคุณติดลบนานขึ้น
ซื้อช่วงขาลง?
ในปี 2018 บิทคอยน์ประสบปัญหาการสูญเสียมูลค่าถึง 80% ซึ่งทำให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ลดลงเช่นกัน ในปี 2022 ราคาของบิทคอยน์ลดลงมากกว่า 52% (YTD) และอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ประมาณ 69,000 ดอลลาร์ และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้รับความสูญเสียมูลค่าประมาณ 70%
เราได้เห็นราคาของคริปโทลดลง 20% ถึง 50% ภายในหนึ่งวัน และด้วยราคาที่ลดลงนั้น ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเราสามารถจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างกับราคาที่ลดลงตามกระแสตลาดคริปโท? และที่สำคัญ เราควรซื้อตอนขาลงหรือไม่?
“Buy The Dip” คืออะไร?
A dip คือการลดลงอย่างชั่วคราวของของราคาสินทรัพย์ และการ "buy the dip" นั้นหมายถึงเทคนิกการเทรดที่ผู้ลงทุนทำการซื้อในช่วงที่ตลาดอ่อนแอลง และทำการขายเมื่อตลาดแข็งแรงขึ้น
ตามทฤษฏีของ Elliot Wave ตลาดจะมีแนวโน้มไปตามกระแสหลัก และผู้ลงทุนที่ทำการซื้อในช่วง intraday corrections หรือ isolated consolidations จะเริ่มทำกำไรเมื่อตลาดเข้าสู่ช่วง consolidates ประกอบกับแนวโน้มที่กว้างขึ้น
การซื้อในช่วงขาลงนั้นอาจช่วยลดต้นทุนล่วงหน้าของการเข้าไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการได้ แต่การจับตาดูสัดส่วนความเสี่ยงและผลกำไรยังคงสำคัญ เนื่องจากการซื้อในช่วงที่ตลาดกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไหร่
ซื้อคริปโทในช่วงขาลงอย่างไร?
ซื้อในช่วงขาลงไม่ได้หมายถึงการซื้อคริปโทที่ชาร์ทเป็นสีแดง เพราะในตลาดขาลงนั้นทุกอย่างล้วนเป็นสีแดง จึงไม่ได้หมายความว่าเราควรซื้อทุกอย่างในนั้น นี่คือขั้นตอนง่ายๆในการตัดสินใจจะซื้อคริปโทในช่วงขาลง
ระบุแนวโน้มที่กว้างขึ้น
ตรงกันข้ามกับความเชื่อส่วนใหญ่ว่าการซื้อในช่วงขาลงนั้นจะทำกำไรได้ยาก ดังนั้นนักเทรดคริปโทหรือผู้ลงทุนควรต้องทำความเข้าใจในแนวโน้มก่อนที่จะซื้อ เมื่อเห็นภาพที่กว้างขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มปรับการซื้อให้เหมาะสม
แนวโน้มทั่วไปของตลาดอาจะถูกกำหนดโดยเส้นของตัวบ่งชี้ความแตกต่างของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MACD) หรือ momentum oscillator ที่ประกอบไปด้วย 2 เส้น คือเส้นสั้นและเส้นยาว ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น หากเส้นสั้นตัดกับเส้นที่ยาว ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาได้ ในทางตรงกันข้าม หากเส้นที่ยาวตัดกับเส้นที่สั้นกว่า ราคาอาจเป็นไปในช่วงขาขึ้น
การหาตลาดขาลง
แม้ตลาดขาลงนั้นจะไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามชาร์ทแท่งเทียนสามารถบอกแนวรับและแนวต้านได้ ซึ่งมันสามารถบอกจุดที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อ หรืออย่างน้อยก็บอกแนวโน้มของราคาที่ลดลง
เมื่อราคาคริปโทลดลงไปจนถึงจุดต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง บางคนเรียกมันว่าระดับแนวรับ เมื่อแนวรับถูกทดสอบแล้วก็จะสามารถพูดได้ว่ามันมีแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และเมื่อไหร่ที่แนวรับถูกพบ ผู้ซื้อก็จะก้าวเข้ามาเพื่อประคองตลาด
ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาคริปโทพุ่งขึ้นจนแตะเพดานหรือระดับแนวต้าน และไม่สามารถพุ่งขึ้นไปได้มากกว่านั้นแล้ว เราจะเรียกมันว่าแรงต้าน ในช่วงเวลานี้ผู้ขายจะก้าวเข้ามาเพื่อทำกำไร กระตุ้นให้ราคาตกลงอีกครั้ง
ในแนวโน้มเชิงบวก ราคาขาลงนั้นคือการที่ราคาลดลงอย่างรวดเร็วเหนือเส้นแนวรับ นักเทรดสามารถือคริปโทเอาไว้ได้ตั้งแต่ช่วงสีแดงและไปปิดตำแหน่งเมื่อราคาเข้าสู่ช่วงสีเขียวได้
การกลับตัวของแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้หากราคาตกลงเมื่อเข้าใกล้เส้นแนวรับสีเขียว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าแท่งเทียนทะลุเส้นแนวต้านและแนวโน้มเริ่มที่จะลดลง นั่นก็เป็นสัญญาณว่าอาจะเกิดการกลับตัวได้ ซึ่งจะไม่เหมาะสำหรับการซื้อในช่วงขาลง
ศึกษาว่าทำไมช่วงขาลงถึงเกิดขึ้น
เมื่อทำการซื้อในช่วงขาลง คุณต้องทำความเข้าใจว่าการลดลงของราคานั้นจะสามารถฟื้นตัวได้ในที่สุด ราคาของคริปโทสามารถลดฮวบลงไปได้โดยไม่มีสาเหตุเกี่ยวกับบล็อคเชน หรือแผนงานใดๆเลย แต่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระดับมหภาพ ข่าว หรือแค่ทวีตจากผู้มีอิทธิพล
ยกตัวอย่างเข่น Elon Musk มีอิทธิพลมากพอที่จะปั่นราคาคริปโท และย้ายตลาดคริปโทได้จากเพียงแค่ทวีตเดียว
แต่ในหลายๆกรณี การเปลี่ยนแปลงของราคาก็มีสาเหตุมาจากปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาคริปโท หรือการเปลี่ยนมือ อีกตัวอย่างหนึ่งของเหตุการณ์ระดับมหภาพที่ส่งผลต่อราคาคริปโทก็คือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากสงครามยูเครน
ความเสี่ยงของการซื้อช่วงขาลง
ตลาดคริปโทนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ และผู้คนมากมายก็เสียเงินลงทุนของพวกเขาไปกับการซื้อในช่วงขาลง เพราะราคาคริปโทนั้นสามารถลดลงได้อีกแม้มันจะลดลงมาแล้ว ถ้าหากแนวโน้มช่วงนั้นเป็นไปในขาลง และตลาดมักจะใช้เวลาพักหนึ่งในการทำให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น ผู้ลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์มักจะขาดทุนจากการที่ราคาคริปโทลดลง และลดลงอีกเรื่อยๆเป็นเวลานาน
เวลาของตลาดนั้นเดินไปตามจังหวะของตลาด
ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ตลาดขาลงจะพลิกกลับเป็นตลาดขาขึ้นหรือช่วงนั้นๆจะมาเพียงชั่วคราวหรือไม่ แต่การติดตามข่าวสาร การศึกษาข้อมูลของคุณเอง และการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการเงินจะช่วยสร้างโอกาสที่คุณอาจะไม่รู้ว่ามันมีอยู่ก็ได้